1.ควรขับรถด้วยความเร็ว 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับใครที่ไม่ได้เร่งรีบในการเดินทาง
ไม่จำเป็นต้องขับรถเร็วมาก เพร าะนอกจากจะเสี่ ยงต่ออุบั ติเหตุแล้ว
ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็นด้วย จึงควรขับรถให้ความเร็วอยู่ที่ 80 – 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับการขับด้วยความเร็ว 95-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2.ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น รู้หรือไม่ว่าการบรรทุกของหนัก 10 กิโลกรัม
ในระยะทาง 25 กิโลเมตร ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้ 40 ซีซี. นอกจากนี้
การนำสัมภาระขึ้นไปวางบนหลังค าโดยผูกหรือยึดติดไว้กับร าวบนหลังค า
จะส่งผลให้เพิ่มการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ด้วย
เนื่องจากเป็นการขับรถต้านลมขณะรถวิ่งนั่นเอง ดังนั้นถ้าอย าก
ประหยัดน้ำมัน จึงไม่ควรบรรทุกของหนักมากจนเกินไป
3.ควรวางแผนการเดินทาง การมีจุดหมายเดินทางที่ชัดเจนว่าจะใช้เส้นทางใด
และศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนเดินทาง ถือเป็นเทคนิคขับรถประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง
เพร าะช่วยให้คุณขับรถไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น และยังประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
รวมถึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีรถติดในชั่วโมงเร่งด่วนด้วย
เพร าะแค่รถติดครึ่งชั่วโมง สามารถสิ้นเปลืองน้ำมันได้มากถึง 750 ซีซี.
4.ควรเติมลมย างให้ได้มาตรฐาน อย่ าลืมหมั่นตรวจเช็ ก
ลมย างอย่ างสม่ำเสมออย่ างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
เพร าะถ้าหน้าย างเสียดสีกับพื้นถนนมากก็ส่งผลให้เปลืองน้ำมันได้เช่ นกัน
จึงไม่ควรปล่อยให้ความดันลมย างอ่อนกว่ามาตฐาน เพร าะทุก 1 ปอนด์ต่อตางร างนิ้ว
ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าปล่อยให้ย างแข็งเกินไป
ก็อาจเป็นอันตร ายต่อผู้ขับขี่ได้เช่ นกัน จึงควรเติมลมย างให้พอดีตามที่คู่มือรถแนะนำไว้
5.สต าร์ทเครื่องไม่เปิ ดแอร์-ปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาที
ในขณะที่สต าร์ทเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการเปิ ดแอร์ เครื่องเสียงไปพร้อมกัน
เพร าะเท่ากับเป็นการเพิ่มภาระให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น
และทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันถึง 10 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ การปิดแอร์เมื่อขับรถใกล้ถึงที่หมายสัก
ประมาณ 2-3 นาที ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีก 30 ซีซี.ด้วย